วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

มินเนี่ยน

ประวัติ มินเนี่ยน


มินเนี่ยน (Minions) สีเหลืองตัวป่วนจาก Despicable Me 2 มินเนี่ยน (Minions) สิ่งมีชีวิตสุดปั่นป่วนในภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่องDespicable Me มีลักษณะเป็นตัวสีเหลืองหรือม่วง (ตัวสีม่วงจะเรียกว่าอีวิล มินเนียนจะมีทรงผมประหลาดและนิสัยซื่อบื้อกว่าสีเหลืองหลายเท่า เหมือนคนประสาทเลย) มินเนี่ยนจะมีลักษณะดวงตาไม่เหมือนกันบ้างก็มีสองตาบ้างก็มีตาเดียว โดยมันมักจะร้องออกเสียงว่าปะโป้ย มินเนี่ยนเป็นลูกสมุนของกรู คอยช่วยเหลือและสร้างความวุ่นวายในเวลาเดียวกัน นิสัยของมันคือมักจะชิงดีชิงเด่น ใช้ความรุนแรง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังรักพวกพ้องพร้อมปกป้องครอบครัวอยู่เสมอ มินเนี่ยนชอบกินกล้วยเป็นที่สุด
มินเนี่ยน มีรูปร่างที่เล็ก ร่างกายเป็นทรงกระบอก สูงบ้างเตี้ยบ้าง มีผิวสีเหลืองและมีโครงสร้างทางพันธุกรรมเหมือนกับมนุษย์ ส่วนใหญ่จะมีตา 2 ดวงแต่บางตัวอาจจะมีดวงตาเดียว ชอบกล้วยและแอปเปิ้ล(หรือแพ็พเปิ้ล ตามที่พวกเค้าเรียกกัน)เป็นพิเศษ ท่าทางการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะออกแนวสั่นๆและเมื่อมีการหยิบจับอะไรจะออกแนวตระครุบ ความสามารถพิเศษของมินเนี่ยนคือสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแท่งเรืองแสงได้ในที่มืด(เหมือนแท่งไฟฟอสฟอรัสที่หักแล้วจะสว่าง) มิเนี่ยนทั้งหมดจะทำงานขึ้นตรงกับมิสเตอร์กรูว์และดอกเตอร์เนฟาริโอด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยการทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นช่วยสร้างอาวุธทำลายล้าง ช่วยปฏิบัติการเรื่องชั่วร้าย(ที่จะมาพร้อมความตลก) ไปจนถึงช่วยทำงานจิปาถะอย่างการทำความสะอาดบ้าน ดูแลลูกๆของมิสเตอร์กรูว์ เรียกได้ว่าให้ทำอะไรมินเนี่ยนทำหมด(แต่ผลที่ออกมาเป็นอย่างไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง ฮ่าๆ)
มินเนี่ยน สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้ แต่ภาษาของพวกเขาเป็นอะไรที่เปรียบได้ว่าเหนือจินตนาการ แต่ก็มีบางคำที่มินเนี่ยนสามารถพูดได้อย่าง “กล้วย, แอปเปิ้ล, มันฝรั่ง, ก้น, กางเกงลิง” โดยส่วนใหญ่จะพูดออกมาแค่คำศัพท์ตัวเดียว และตามมาด้วยภาษาของพวกเขา แต่ก็มีการพบว่าภาษาของมินเนี่ยนนั้นมีพื้นเพมาจากภาษาสเปน
“ปาปาด๊อม? (Poppadom?)”- เป็นวลีติดปากขอพวกมินเนี่ยน
     “โน โน โน, ปาโป๊ย ปาโป๊ย! (“No, no, no. Pa POY. Pa POY!)”- เป็นคำพูดของมินเนี่ยนที่พยายามจะอธิบายอะไรบางอย่างเกี่ยวกับของเล่นให้มินเนี่ยนตัวอื่นๆฟัง ลองชมตัวอย่างการสนทนาของมินเนี่ยนดูครับ

มิกกี้เมาส์

MICKEY MOUSE
Mickey Mouse มิกกี้ เม้าส์  Minnie Mouse มินนี่ เม้าส์
ชื่อ MICKEY MOUSE (อังกฤษ: Mickey Mouse) เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์

จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "เรือกลไฟวิลลี่" (Steamboat Willie)[1] เข้าฉายครั้งแรกที่ มอสส์โคโลนี่เธียเตอร์[2] โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้





จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอล์ต ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กสออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "Steamboat Willie" เข้าฉายที่ New York's Colony Theatre โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping


        


ว่าแล้วก็ขอทำเป็นทิปรวมเก็ดเล็กเก้โน้อยเกี่ยวกับปู่มิกกี้เมาส์หน่อยละกัน

• ปู่มิกกี้เมาส์เป็นหนูนะครับซึ่งใครๆก้น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วแต่ถามว่าเป็นหนูสายพันธ์อะไร คำตอบก็คือหนูสายพันธ์แฮมสเตอร์ นั่นเอง

• แรกเริ่มเดิมทีหน้าตาของปู่มิกกี้เมาส์ไม่ได้หล่อ,เท่,น่ารัก,แบบนี้หรอกครับ แรกเดิมทีหน้าตาจะไปออกแนว หนูบ้านมากกว่าไม่เชื่อรับชมภาพประกอบ

• ถึงแม้มิกกี้เมาส์จะเกิดขึ้นในปี 1928 แต่กว่ามิกี้เมาส์จะมีรายการทีวีเป็นของตัวเองก็นานถึงถึงปี 1950 ในชื่อรายการ "The Mickey Mouse Club"

• มิกกี้เมาส์ก็เหมือนตัวการ์ตูนดาวค้างฟ้าตัวอื่นๆนั่นแหละคือไม่มีวันแก่และยังคงเป็นมิกกี้เมาส์แบบนี้ตลอดไป ถ้าฝั่งญี่ปุ่นมีโดราเอมอนเป็นมาสคอตฝั่งอเมริกาก็มีมิกี้เมาส์เนี้ยแหละเป็นมาสคอต

• สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมคงต้องรบกวนให้ไปอ่านกันเองน่าจะดีกว่าครับเพราะเยอะเหลือเกิน

มารู้จักกัยเพื่อนๆ ของ Mickey Mosue กัน


Mickey Mouse มิกกี้ เม้าส์  Minnie Mouse มินนี่ เม้าส์
มินนี่ เม้าส์ (Minnie Mouse)

มินนี่ เม้าส์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของมิคกี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง ตัวการ์ตูนนี้เกิดขึ้นมาจากความเป็นผู้หญิง ซึ่งมีอยู่ในทุกสังคมและความคิดของมินนี่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามทัศนคติ มินนี่มีบุคลิกที่อ่อนหวาน อ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น มินนี่จะเป็นตัวแทนของเพศหญิง ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสันเป็นนักวาด การ์ตูนที่สร้างมินนี่ เม้าส์ขึ้นมา มินนี่เป็นตัวการ์ตูนตัวหนึ่งในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ โดยส่วนใหญ่แล้วมินนี่จะปรากฏตัวในห้องครัว ขณะที่ทำเค้กกับคาร์ราเบลล่า ซึ่งเป็นเพื่อนของมินนี่ การเป็นคู่หมั้นของมิคกี้และมินนี่เป็นตัวแทนของความผูกพัน ซึ่งเชื่อมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์ถึงแม้ว่ามินนี่ และมิคกี้จะไม่มีลูกด้วยกันแต่ในประวัติของมิคกี้นั้นมักจะมีหนูเด็กๆ 2 ตัวปรากฏอยู่เสมอๆ หนูทั้งสองตัวนั้นชื่อว่า ทิป และแท๊ปซึ่งเป็นหลานของมิคกี้ ทิปและแท๊ปปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในปี 1932 ในตอนที่ชื่อว่า "หลานของมิคกี้" ซึ่งผู้ที่สร้างสรรตัวละครนี้ขึ้นมาคือ ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน ในปี 1934 ในตอน "รถบดถนนของมิคกี้" ทิปและแท๊ปจะมีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมิคกี้ เม้าส์ซึ่งเป็นลุง โดยที่ทิปและแท๊ปจะใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ที่เป็นชุดยาวมีสายรัดและสวมหมวกของ กะลาสี ทิปและแท๊ปเป็นหนูที่ฉลาด ทิปและแท๊ปจะต่อต้านหลานของมินนี่ ซึ่งมีชื่อว่าเมโลดี้ 


FLUTO
พลูโต จูเนียร์ (Fluto )

เป็นตัวละครในเรื่องมิกกี้ เมาส์ ของวอลต์ ดิสนีย์ โดยปรากฏในการ์ตูนเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1937เป็นลูกหมา 1 ใน 5 ตัวของพลูโต หลังจากนั้นก็มีการออกฉายอีกครั้งในปี ค.ศ.1942 ในตอน Pluto, Junior ซึ่งมันยังได้เป็นตัวละครสำคัญของตอน แต่ถึงแม้ว่าจะเคยออกฉายไปแล้วถึง 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของมัน มันจึงเป็นที่รู้จักในชื่อพลูโต จูเนียร์








กูฟฟี่ (GOOFY)
กูฟฟี่ (Goofy)

ตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้ก็คือ กุฟฟี่ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดซึ่งมักจะติดตามมิคกี้ไปทุกๆที่ ในอเมริกาเรียกกุฟฟี่ว่า กูฟี่ ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่าตัว ตลก และความสนุกสนาน จากชื่อนี้เองสามารถเดาถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของกุฟฟี่ได้ ในความเป็นจริงแล้วกุฟฟี่จะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับมิคกี้ ซึ่งกุฟฟี่จะคอยกวนใจมิคกี้บ่อยครั้ง ตามประวัติแล้วกุฟฟี่จะคอยสร้างความครื้นเครงให้ผู้อื่น โดยการทำฟองสบู่ในขณะที่มิคกี้รู้สึกท้อแท้ช่วยให้มิคกี้คลายความเศร้าได้ กุฟฟี่ถูกสร้างขึ้นปี 1932 ในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ กุฟฟี่จะแต่งกายด้วยชุดสีแดงคล้ายกับชุดนอนและสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีฟ้า กุฟฟี่จะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ หลังจากที่ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไป ซึ่งถั่วดังกล่าวจะปลูกอยู่ในสวนภายในถ้วยใบหนึ่ง เมื่อทานถั่วเข้าไปแล้วกุฟฟี่จะมีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมน มีกำลังมหาศาล สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว 




หมีพู

ประวัติหมีพูและเพื่อน

ต้นกำเนิดหมีพูห์ (Winnie-the-Pooh)
ประมาณเดือนสิงหาคม ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Harry Colebourn สัตวแพทย์ชาวคานาดา ทำงานประจำที่ Fort Garry Horse ใน Winnipeg ได้ถูกส่งตัวไปประจำการที่อังกฤษ ขณะเดินทางไปอังกฤษ ขบวนรถไฟที่เขานั่งไปต้องหยุดจอดที่ White River ใน Ontario เพื่อเปลี่ยนขบวนใหม่ ระหว่างนั้นเขาได้เห็นชายคนหนึ่งกับลูกหมีสีดำ ณ บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยที่ลูกหมีตัวนั้นถูกผูกกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ หลังจากที่ Harry Colebourn พูดคุยกับชายคนนั้นทำให้เขารู้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักล่าสัตว์ เขาจึงขอซื้อลูกหมีตัวนั้นในราคา 20 เหรียญสหรัฐ และตั้งชื่อให้มันว่า Winnie เขาได้นำ Winnie ไปอยู่กับเขาที่กองทัพด้วย ซึ่งทุกคนในกองทัพก็ถือว่า Winnie เป็นสัตว์นำโชค
ต่อมาเดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน กองทัพที่ี่Harry Colebourn ประจำการอยู่ ต้องย้ายกำลังพลไปที่ประเทศฝรั่งเศส Harry Colebourn ได้ฝาก Winnie ไว้ที่สวนสัตว์ที่กรุงลอนดอน และเขาคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์เขาคงจะเสร็จภารกิจ และกลับมารับ Winnie ได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดไว้ สงครามสงบประมาณปี ค.ศ. 1918 Harry Colebourn กลับมาที่สวนสัตว์อีกครั้งเพื่อมารับ Winnie แต่เขาพบว่า Winnie อยู่อย่างมีความสุข ณ สวนสัตว์แห่งนี้ ทั้งคนเลี้ยงและคนที่มาเที่ยวในสวนสัตว์ รักมันมาก เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ Winnie อยู่ที่สวนสัตว์ตามเดิม และมาเยี่ยม Winnie เสมอเมื่อมีโอกาส จนกระทั่ง Winnie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1934 ส่วน Harry Colebourn ได้กลับมาประจำการอยู่ที่ทำงานเก่าของเขา Fort Garry Horse ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 โดยทำหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ ประจำกองทัพ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1947
ในช่วงที่ Winnie ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ Winnie มีชื่อเสียงมาก อยู่มาวันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1925 Christoper Robin เด็กชายวัย 5 ขวบได้มาเที่ยวเล่นในสวนสัตว์แห่งนี้ ทันทีที่ Christopher Robin พบกับ Winnie เขาก็เกิดความรักและประทับใจใน Winnie มาก จนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้จากเพื่อนของพ่อของเขาจาก Edward มาเป็นชื่อ Winnie และความรักของ Christoper Robin ใน Winnie นี่เองที่ไปจุดประกายความคิดของ A.A. Milne (Alan Alexander Milne) พ่อของ Christopher Robin ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือและบทกลอน ให้แต่งนิทานเรื่องเกี่ยวกับ Winnie และเพื่อนขึ้นมา โดยชื่อของหมีในนิทานของเขามีชื่อว่า “Winnie-the-Pooh” โดยคำว่า Winnie มาจากตุ๊กตาหมีของลูกชายของเขาและหมี Winnie ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนคำว่า Pooh มาจากชื่อของหงส์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณฟาร์มของเขา (Cotchford Farm อยู่ในบริเวณป่า Ashdown ที่ Sussex ประเทศ England)
นิทาน ของเขาจะเล่าถึงการผจญภัยของ Christopher Robin กับ Winnie รวมทั้งสัตว์ที่เป็นเพื่อนของเขาในป่า โดยที่ลักษณะนิสัย ของตัวละครสัตว์ตัวอื่นๆ เช่น Eeyore, Piglet, Tigger, Kanga และ Roo มาจากเหล่าตุ๊กตาสัตว์ของ Christoper Robin ลูกชายของเขา ส่วนลักษณะนิสัยของตัวละครสัตว์ Rabbit และ Owl มาจากสัตว์ที่อาศัยในบริเวณฟาร์ม และภาพประกอบของนิทานทั้งหมด เขียนโดย E. H. Shepard.
ปัจจุบันตุ๊กตาของ Christopher Robin ถูกเก็บรักษาไว้ที่ Donnell Library Center ซึ่งเป็นห้องสมุดสาขาหนึ่งของ New York Public Library
ประวัติหมีพูห์
หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928)
เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา
นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์
หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์
ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศอังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918)
หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น
หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh) เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง
หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์
ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์
(1928)
เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วิ
นนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา
นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มี
เครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์
หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มี
ชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์
ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศ
อังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัยสงครามโลก
ครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918)
หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึง
หนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น
หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พู
ห์” (Pooh) เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง
ต่อมาเอ.เอ.ไมลน์ จึงเริ่มเขียนเรื่องราวของวินนี่ เดอะ พูห์ และเพื่อนพ้องของมัน โดยหนังสือวาง
จำหน่ายเมื่อปีค.ศ.1926 หรือ 74 ปีที่แล้ว
กระทั่งปี 1996 ที่ผ่านมา ยอดขายหนังสือสูงถึง 20 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 25 ภาษา ใน
ขณะเดียวกันวอลต์ ดิสนีย์ ซื้อลิขสิทธิ์หมีพูห์และนำไปสร้างการ์ตูนบนแผ่นฟิล์มในปี 1996 พร้อมกับ
ผลิตภัณฑ์มากมายก่ายกอง ทำให้หมีพูห์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมอันดับ 2 ของเด็กอเมริกันรองจากมิกกี้
เม้าส์
หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง!
อืม… แต่จะทำอย่างไรหากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ
ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก)
ตัวนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่ าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที
การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ( และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย)
แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น ติดอยู่ในรูกระต่าย
แคบ ๆ และไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกมาได้ เป็นต้น แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ
เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบิน
หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม
ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ ( หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน
‘When We Were Very Young’ คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์
( ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาใน
ปี 1921
ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s
Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street
ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอ
ดิสนี่ย์
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางสตูดิโอที่นำวรรณกรรมเยาวชนอันแสนน่ารักของเอ. เอ. มิลล์
ถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม วินนี่ย์เดอะพูห์และผองเพื่อน , คริสโตเฟอร์ โรบิน, เจ้าลาอีออร์,
นกฮูก, แคงก้า และเบบี้รู รวมถึงกระต่ายและโกเฟอร์ ต้องเผชิญกับฝูงผึ้งและรังน้ำผึ้ง
อันแสนหอมหวาน มีการดัดแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตัว
นี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเพิ่มตัวละครใหม่ นั่นคือ โกเฟอร์
นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนพิเศษขนาดสั้นกำกับโดย วูลฟแกงค์ ไรเดอร์แมน
ทีมพากย์เสียงโดย สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ( พูห์) , บรูซ ไรเดอร์แมน (คริสโตเฟอร์ โรบิน),
ราล์ฟ ไรต์ (อีออร์), โฮวาร์ด มอร์ริส (โกเฟอร์), บาบาร่า ลัดดี้ (แคงก้า), ฮัล สมิธ (นกฮูก),
จูเนียส แมธธิวส์ (กระต่าย) และคลินต์ โฮวาร์ด (รู)
ความยาว 26 นาที เซบาสเตียน เคบอตต์ ผู้ดำเนินเรื่อง และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย
ริชาร์ด เอ็ม. และ โรเบิร์ต บี. เชอร์แมน
สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ได้รับคำชมเชยอย่างมากจากการพากย์เสียงเป็นพูห์และเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้หนัง
ประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาคต่ออีก 3 ตอน รวมถึงการนำตอนต่อทั้งหมดออกฉาย
รวมกันด้วย

คิตตี้

HELLO KITTY
คิตตี้ Hello Kitty
ชื่อ HELLO KITTY

วันเกิด : 1 พฤศจิกายน (1974)

สถานที่เกิด : ชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ที่อยู่ Kitty : อาศัยที่บ้านสีขาวหลังคาแดง ห่างจากตัวเมืองลอนดอน 20 กิโลเมตร ในเมืองที่ไม่มีใครทราบชื่อซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 ชีวิต คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้ได้ ภายใน 20 นาทีโดยรถยนต์ หรือ 30 นาทีโดยรถเมล์

สัดส่วน : น้ำหนักเท่ากับแอ๊ปเปิ้ล 3 ผล สูงเท่ากับแอ๊ปเปิ้ล 5 ผล

กรุ๊ปเลือด : A (Negative)
ราศี : พิจิก

สีที่ชอบ : แดง

อาหารโปรด : พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือคุณแม่ ฮ็อทเค้ก พุดดิ้งและของหวานทั้งหลาย เช่น ลูกกวาด เป็นต้น

วิชาโปรด : ดนตรีและภาษาอังกฤษ

สิ่งที่ชอบ : ของชิ้นเล็กๆน่ารักๆเหมือนตัวเธอนั่นเอง เธอสะสมดาวดวงเล็กๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอ หากมีเวลาว่าง Kitty มักจะตรงดิ่งไปยังร้านลูกกวาดเสมอ เธอชอบลูกกวาดมากๆเลยล่ะ !

จุดเด่น : สิ่งที่ทำให้ทุกๆคนจดจำ Kitty ได้เสมอก็คือริบบิ้นสีแดงที่หูซ้าย ของเธอและปุยหางอันฟูฟ่องของเธอนั่นเอง

ชายในสเป็ค Kitty : ชอบผู้ชายที่ใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของ Kitty ก็คือ Dear Daniel และเมื่อ Dear Daniel ได้เดินทางไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่แอฟริกา Kitty ก็ได้หันมาคบกับ Tippy หมีหนุ่มเพื่อนร่วมชั้น

ความใฝ่ฝัน : นักเปียโนหรือกว

บุคลิก Kitty : เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดี เธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทาน พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า “Mimmy” นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาว และ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน เธอโปรดปราน การตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะ ผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า “ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป”ด้วยเหตุนี้ นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อย ที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน โรงเรียน โรงเรียนตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่มุ่งสู่ลอนดอนห่างจากบ้านของ Kitty 4 กิโลเมตร โรงเรียนของ Kitty นั้นนับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมไป ด้วยต้นไม้และแวดล้อมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ Kitty และ Mimmy เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถเมล์ด้วยกันทุกเช้าซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียง สามป้ายรถเมล์เท่านั้นคุณครูจะคอยทักทายกับพวกเธอทั้งสองอยู่ที่หน้าโรงเรียน ทุกวัน และเป็นที่แน่นอนว่า Kitty และ Mimmy คือสองสาวที่ป็อปปูลาร์ที่สุด ในโรงเรียน

คุณรู้มั้ย?

- Kitty ชอบแปรงฟันด้วยยาสีฟันกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เธอห้ามใจแทบไม่ไหวทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสตรอเบอร์รี่

- Kitty มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยานสามล้อ คันเล็กของเธอเสมอ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นใกล้ๆบ้าน ไปช็อปปิ้ง หรือแม้แต่เวลาที่เธอออกไปเล่นกับเพื่อนๆ
Kitty's Family

คิตตี้ Hello Kitty
Mimmy
Mimmy น้องสาวฝาแฝดและเพื่อนที่ดีที่สุดของ Kitty จุดสังเกตระหว่างเธอกับ Kitty ก็คือ Mimmy จะผูกโบว์สีเหลืองที่หูด้านขวา แต่ Kitty จะผูกโบว์สีแดงที่หูซ้ายนั่นเอง Mimmy มีนิสัยที่ค่อนข้างแตกต่างกับ Kitty เพราะเธอเป็นแมวขี้อาย แต่เธอก็เป็นแมวที่น่ารักและเป็นมิตรกับทุกๆคน เธอจึงมีเพื่อนมากมายเช่นเดียวกับ Kitty


คิตตี้ Hello Kitty
Mary
Mary คุณแม่ของ Kitty เป็นคนที่น่ารักและใจดี เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำกับข้าว ดูแลทุกคนในครอบครัวและดูแลบ้าน คุณแม่มักจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือลูกๆอยู่เสมอ เวลาว่างคุณแม่มักจะทำอาหารและอบเค้กกับลูกสาวทั้งสอง ฝีมือการทำพายแอ๊ปเปิ้ลของคุณแม่ก็เป็นที่เลื่องลือว่า มีรสชาติที่แสนอร่อยแม้แต่ Kitty ก็ยังติดใจ



คิตตี้ Hello Kitty
George
George คุณพ่อของ Kitty เป็นคนอารมณ์ดีและดูแลห่วงใยทุกๆคน เขามักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกๆคนในครอบครัวอยู่เสมอ คุณพ่อทำงานหนักและเป็นที่พึ่งพาสำหรับทุกคนได้ แต่ทว่าเขาก็มักจะนั่งใจลอยอยู่บ่อยๆเช่นกัน คุณพ่อชอบอ่านหนังสือ และพูดคุยในเรื่องทั่วๆไป 




คิตตี้ Hello Kitty
Margaret
Margaret คุณย่ามีฝีมือมากในเรื่องของการทำอาหาร ชอบทำงานเย็บปักถักร้อยและทำพุดดิ้งให้กับหลานสาวทั้งสองคนทานอยู่เสมอ พุดดิ้งฝีมือคุณย่าได้รับการยอมรับว่าไม่มีใครที่จะสามารถทำได้อร่อยกว่าท่านอีกแล้ว คุณย่ามักจะนั่งปักผ้าอยู่ที่เก้าอี้โยกของเธออยู่เสมอ


คิตตี้ Hello Kitty
Anthony
Anthony คุณปู่ของ Kitty ฉลาดและรอบรู้ไปเสียทุกอย่าง ชื่นชอบการวาดภาพ อีกทั้งยังเป็นนักเล่านิทานชั้นเยี่ยมอีกด้วยคุณปู่และคุณย่าของ Kitty อาศัยอยู่ในป่าซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินเข้าไปถึงบ้านของท่านทั้งสอง คุณพ่อมักจะพา Kitty Mimmy และคนๆอื่นในครอบครัวเข้าไปเยี่ยมคุณปู่และคุณย่าอยู่เสมอ


Kitty's Friends

คิตตี้ Hello Kitty
Dear Daniel
Daniel เป็นแฟนหนุ่มของสาวน้อย Kitty เขามักจะเดินทางไปผจญภัยกับคุณพ่อที่เป็นช่างภาพในประเทศแอฟริกาอยู่เสมอ
วันเกิด : 3 พฤษภาคม

ราศี : พฤษก

สถานที่เกิด : ลอนดอน ประเทศอังกฤษ

งานอดิเรก : ถ่ายภาพชีวิตสัตว์ป่า

ความสามารถพิเศษ : การเต้นฮิพฮอพและเล่นเปียโน

ความใฝ่ฝัน : ช่างภาพที่มีชื่อเสียงหรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง

อาหารโปรด : ชีสเค้กและโยเกิร์ต

ครอบครัว : คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชาย

จุดเด่น : ทรงผมที่ชี้ตั้ง

บุคลิก Daniel : เป็นคนที่อ่อนไหวและใสซื่อ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ เขาเป็นหนุ่มทันสมัยที่รู้จักแต่งตัวให้ดูเท่ห์อยู่เสมอ Daniel คือเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กที่เล่นซุกซนกับ Kitty มาตลอด กระทั่งพ่อของ Daniel ถูกย้ายไปประจำการอยู่ที่แอฟริกาทั้งสองจึงต้องแยกย้ายจากกันไป หลังจากการย้ายไปอยู่ในหลายๆประเทศทั่วโลก ครอบครัวของเขาก็ได้ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่นิวยอร์ค และจากที่นี่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อพบกับ Kitty อีกครั้ง
คิตตี้ Hello Kitty
Jodie Jodie
Jodie Jodie เป็นหนอนหนังสือ เธอเป็นสุนัขผู้เต็มไปด้วยความรู้มากมาย และเพราะเธออยากเป็นคนเก่ง Jodie จึงชื่นชอบการเรียนและอ่านหนังสือเป็นที่สุด ความใฝ่ฝันของเธอคือการเป็นนักวิจัย





คิตตี้ Hello Kitty
Tiny Chum
Tiny Chum เท็ดดี้แบร์ตัวน้อยที่จะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณเสมอไม่ว่าที่ไหน Tiny Chum เป็นเพื่อนรักของทั้ง Kitty และ Mimmy มาเป็นเวลานาน และสาวๆทั้งสองก็รักเขาเหมือนน้องชายของพวกเธอ



คิตตี้ Hello Kitty
Tippy
Tippy เป็นหมีที่น่ารัก แข็งแรง เชื่อใจได้และใจดีกับทุกๆคน เขาสามารถช่วยเหลือทุกๆคนได้เสมอหากกำลังตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้ Tippy ก็กำลังจีบ Kitty อยู่และต้องการที่จะเป็นแฟนของ Kitty ให้ได้ในสักวัน 




คิตตี้ Hello Kitty
Fifi
Fifi ลูกแกะน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เธอจะเล่นและพูดได้ตลอดเวลา Fifi มักจะกระโดดโลดเต้นไปรอบๆไม่ว่าเธอจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ! ดูเหมือน Fifi จะยุ่งอยู่ตลอดจนคุณจะต้องแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไปบ้างในแต่ละวัน แล้วเธอเอาพลังมาจากไหนในเมื่อเธอใช้เวลาในการพักผ่อนแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ! 


คิตตี้ Hello Kitty
Tracy
Tracy เป็นแรคคูนน้อยที่แสนจะว่องไวและไม่มีพิษมีภัยกับใคร เขามักสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆอยู่เสมอ Tracy จึงกลายเป็นเพื่อนรักของทุกๆคนไปโดยปริยาย




คิตตี้ Hello Kitty
Tim & Tammy
Tim & Tammy ไม่ว่าที่ใดจะมีความสนุกสนานเกิดขึ้น คุณจะพบลิงฝาแฝดแสนซนทั้งคู่อยู่ในนั้นเสมอ พวกเขาเป็นลิงที่ตลกที่สุดในโรงเรียน มีความเป็นมิตรและสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกๆคนได้เสมอ พวกเขาคือนักสร้างเสียงหัวเราะตัวน้อยๆนั่นเอง


คิตตี้ Hello Kitty
Joey
Joey เป็นหนูที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและเป็นเพื่อนที่ดีของทุกๆคน ด้วยความฉลาดและความมีเสน่ห์ของเขา ทำให้ Joey กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน นอกจากนี้เขายังเป็นนั่งวิ่งลมกรดอีกด้วย 


คิตตี้ Hello Kitty
Lorry
Lorry กระรอกลึกลับที่โผล่มาเจอ Kitty ในขณะที่เธอกำลังเก็บดอกไม้ เขาเล่าความลับอันน่าทึ่งมากมายเกี่ยวกับป่าให้ Kitty ฟัง



คิตตี้ Hello Kitty

Moley
Moley ตุ่นน้อยขี้อายที่อาศัยอยู่ในสวนของ Kitty คุณสามารถพบเธอได้ที่บริเวณบึงเล็กๆซึ่งเธอใช้เป็นสถานที่สำหรับนอนอาบแดดอย่างมีความสุข 


Published by MOffY,Licensed by SANRIO.All right reserved



ประวัติสุนทรภู่

26 มิถุนายน วันสุนทรภู่





วันสุนทรภู่
                    วันสุนทรภู่ 26 มิถุนายน ประวัติและผลงานของสุนทรภู่มีความเป็นมาอย่างไร กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่ มีอะไรบ้าง เรามีบทความเรื่องนี้มาฝากกัน 

          ถ้าเอ่ยชื่อ "สุนทรภู่" เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียงก้องโลก โดยเฉพาะกลอนนิทานเรื่อง "พระอภัยมณี" จนได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม  หรือ "มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์" หรือ "เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" และคงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "วันที่ 26 มิถุนายน" ของทุกปีคือ "วันสุนทรภู่" ซึ่งมักจะมีการจัดนิทรรศการ ประกวดแต่งคำกลอน เพื่อแสดงถึงการรำลึกถึง เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาด ขอพาไปเปิดประวัติ "วันสุนทรภู่" ให้มากขึ้นค่ะ...

ชีวประวัติ "สุนทรภู่"

          สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 2 โมงเช้า หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 08.00 น. นั่นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน)

          บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เชื่อว่าหลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งสุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อฉิมและนิ่ม อีกด้วย

          "สุนทรภู่" ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม เพราะตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว 20 ปี

          ต่อมาสุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ซึ่งเป็นบุตรหลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็นพระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุก เขากับแม่จันก็เดินทางไปหาบิดาที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ "พ่อพัด" ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภู่กับแม่จันก็มีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป 


          หลังจากนั้น สุนทรภู่ ก็เดินทางเข้าพระราชวังหลัง และมีโอกาสได้ติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2350 และเขาก็ได้แต่ง "นิราศพระบาท" พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย และหลังจาก "นิราศพระบาท" ก็ไม่ปรากฏผลงานใด ๆ ของสุนทรภู่อีกเลย

          จนกระทั่งเข้ารับราชการในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอนบทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร"

          ต่อมาในราว พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไม่นานก็พ้นโทษ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "สังข์ทอง" ไม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัย ทรงให้สุนทรภู่ทดลองแต่งก็เป็นที่พอพระราชหฤทัย ภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 และเชื่อกันว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง "สวัสดิรักษา" ในระหว่างเวลานี้ ซึ่งในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ "พ่อตาบ"
          "สุนทรภู่" รับราชการอยู่เพียง 8 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลา 18 ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่าง ๆ หลายแห่ง ได้แก่ วัดเลียบ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม ซึ่งผลจากการที่ภิกษุภู่เดินทางธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่าง ๆ มากมาย งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รำพันพิลาป โดยแต่งขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. 2385

          ทั้งนี้ ระหว่างที่ออกเดินทางธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขา รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ 10 พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็ลาสิกขา และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย 
          ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังในปี พ.ศ. 2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) ที่เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่" 
          สำหรับทายาทของสุนทรภู่นั้น เชื่อกันว่าสุนทรภู่มีบุตรชาย 3 คน คือ "พ่อพัด" เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน, "พ่อตาบ" เกิดจากภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และ "พ่อนิล" เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรมอีกสองคน ชื่อ "พ่อกลั่น" และ "พ่อชุบ" อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า "ภู่เรือหงส์"

ผลงานของสุนทรภู่
          หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ…

 ประเภทนิราศ 
          - นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง

          - นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา

          - นิราศภูเขาทอง  (ประมาณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา

          - นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง

          - นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา

          - นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา

          - รำพันพิลาป (พ.ศ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขา

          - นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) –เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี

          - นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร

ประเภทนิทาน
          เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ


ประเภทสุภาษิต          - สวัสดิรักษา คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์

          - สุภาษิตสอนหญิง เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่

          - เพลงยาวถวายโอวาท คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว

ประเภทบทละคร          - เรื่องอภัยณุรา ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประเภทบทเสภา
          - เรื่องขุนช้างขุนแผน (ตอนกำเนิดพลายงาม)

          - เรื่องพระราชพงศาวดาร

ประเภทบทเห่กล่อม
          แต่งขึ้นสำหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี 4 เรื่องคือ เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร และเห่เรื่องกากี


ตัวอย่างวรรคทองที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่

          ด้วยความที่สุนทรภู่เป็นศิลปินเอกที่มีผลงานทางวรรณกรรม วรรณคดีมากมาย ทำให้ผลงานหลาย ๆ เรื่องของ สุนทรภู่ ถูกนำไปเป็นบทเรียนให้เด็กไทยได้ศึกษา จึงทำให้มีหลาย ๆ บทประพันธ์ที่คุ้นหู หรือ "วรรคทอง" ยกตัวอย่างเช่น


บางตอนจาก นิราศภูเขาทอง

ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ



***********************


ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา


บางตอนจาก นิราศอิเหนา

จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ

บางตอนจาก พระอภัยมณี


บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

(พระฤาษีสอนสุดสาคร)


***********************

แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

(พระฤาษีสอนสุดสาคร)


***********************


อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา


***********************


เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก    
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล


***********************


ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง

แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป

(ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้ถูกนำไปดัดแปลงเล็กน้อยกลายเป็นเพลง "คำมั่นสัญญา")


บางตอนจาก เพลงยาวถวายโอวาท

อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย


***********************


อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ

บางตอนจาก สุภาษิตสอนหญิง

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน


***********************

จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึ้งขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ


***********************

เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา
จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ


***********************

รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา
จึงจะเบาแรงตนช่วยขวนขวาย
มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย
ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง


บางตอนจาก ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม

แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก
ใครอื่นสัก หมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่า เมตตาเตือน
จะจากเรือน ร้างแม่ ก็แต่กาย


***********************


ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ
เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน

(ขุนแผนสอนพลายงาม)

บางตอนจาก นิราศภูเขาทอง

ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ

บางตอนจาก นิราศพระบาท

เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
เพราะดั้นด้นอยากลิ้มชิมรสหวาน
ครั้นได้รสสดสาวจากจาวตาล
ย่อมซาบซ่านหวานซึ้งตรึงถึงทรวง

ไหนจะยอมให้เจ้าหล่นลงเจ็บอก
เพราะอยากวกขึ้นลิ้นชิมของหวง
อันรสตาลหวานละม้ายคล้ายพุ่มพวง
พี่เจ็บทรวงช้ำอกเหมือนตกตาล... 


ที่มาของวันสุนทรภู่          องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปีขึ้นไปเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฏแก่มวลสมาชิกทั่วโลก และเพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ

          ในการนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ และได้ประกาศยกย่อง "สุนทรภู่" ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก โดยในวาระครบรอบ 200 ปีเกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งนับแต่นั้น เมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ "วัดเทพธิดาราม" และที่จังหวัดระยอง และมีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่าง ๆ โดยทั่วไป

          ทั้งนี้ ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ไว้ที่ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง

กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่
          1. มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงาน
          2. มีการแสดงผลงานประเภทนิทานของสุนทรภู่
          3. มีการประกวด แข่งขัน ประชันสักวา ตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติชีวิต และผลงานของสุนทรภู่



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
thaigoodview.comhlib.ru.ac.th